E-business infrastructure
คือ โครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีที่มีผลต่อคุณภาพการบริการแก่ผู้ใช้งานของระบบทั้งในแง่ของความเร็ว(Speed)และ การตอบสนองต่อการร้องขอระบบ (responsiveness)  
      โครงสร้างสนันสนุน E-business
1. Deploy - การแปรรูป
2. innovate - การเปลียนแปลง
3. propagate - การเผยแพร่ออกสู่ภายนอก
     โครงสร้างพื้นฐานที่เป็นหัวใจหลักของ infrastructure  
1. Hardware
2. Software
3. Network
4. Input
      การให้บริการ E-business ให้ผ่านมาตรฐานของโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี  ต้องกำหนดความสามารถขององค์กรในการแข่งขันทางธุรกิจผ่านการความแตกต่างให้กับตัวเองในตลาด
       E-business infrastructure หมายถึง
การรวมกันของฮาร์ดแวร์เช่น Server, Client PC ในองค์กรรวมถึงการใช้เครือข่ายในการเชื่อมโยงฮาร์ดแวร์เหล่านี้และการใช้งานซอฟต์แวร์
          ส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐาน E-business infrastructure components
1. Application          - ไม่สนใจว่าจะใช้อะไร,เป็นการจัดการให้ประสบความสำเร็จ
2. Software             - Web,linux,database / ใช้ Software อะไรในการจัดการบริหาร
3. Transport            - ติดต่อสื่อสาร,Protocal,TCP/IP
4. Storage               - ใช้เก็บข้อมูลต่างๆ ,ฮาร์ดดิส,แรม เก็บไว้ที่ไหนอย่างไร
5. Content and Data - การจัดการบริหาร,Intranet,Extranet
ตัวอย่าง Hosting ใน ไทย
http://www.hostneverdie.com/
ข้อได้เปรียบเครือข่ายอินทราเน็ต
1. วงจรการผลิตลดลง
2. ลดค่าใช้จ่าย
3. ได้ผลผลิตเร็ว มีประสิทธิภาพ การบริการลูกค้าเร็ว
4. การกระจายข่าวสารง่ายและรวดเร็ว
Firewalls
                ใช้ป้องกันการโจมตี การบุกรุก จากผู้ไม่ประสงค์ดี เป็นสิ่งที่จำเป็นเมื่อมีการสร้างอินทราเน็ตหรือเอ็กซ์ทราเน็ต เป็นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์
Internet
                หมายถึง ลักษณะของการเชื่อมต่อของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งเล็กและใหญ่จำนวนมากเข้าด้วยกัน โดยมีข้อกำหนดว่าทุกเครือข่ายที่เชื่อมต่อถึงกัน จะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานของการเชื่อมต่อ(โปรโตคอล) ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานบนเครือข่ายแบบนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเรียกว่า TCP/IP
เว็บเบราว์เซอร์ (web browser)
                คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล (html) ที่จัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ
เว็บเบราว์เซอร์ (web browser) ที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
 - Internet Explorer
 - Mozilla Firefox
 - Google Chrome
 - Safari
เว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web Server) คือ 
เครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งให้บริการที่เก็บเว็บไซต์ (Server) แล้วให้ผู้ใช้ (Client) เรียกชมหน้าเว็บไซต์ได้โดยใช้โพรโทคอล HTTP ผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์
browser compatibility คือ การทดสอบ Web site
http://viewlike.us ความสามารถคือ ใช้ในการแสดงขนาด Resolution ของหน้าจอในขนาดต่างๆ
http://browsershots.org เว็บนี้เอาไว้ตรวจสอบการแสดงผลของเว็บใน Browser ต่างๆ
วิวัฒนาการของเว็บ 1.0, Web 2.0 Web 3.0
Web 1.0 
1.ผู้เข้าชมสามารถอ่านได้อย่างเดียว ( Read-only ) 
2.สามารถแก้ไขข้อมูล หน้าตาของเว็บไซต์ได้เฉพาะผู้ดูแลเว็บไซต์ ( Web master )
3.ใช้ภาษา html (Hyper Text Markup Language)
Web 2.0 
1. ผู้เข้าชมสามารถอ่านและเขียนได้ ( Read-Write ) 
2.พัฒนาต่อจาก web 1.0 เป็นเทคโนโลยีเว็บไซต์ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้
web 3.0
1.ผู้บริโภคสามารถเข้าถึง (view ,create ,copy ,share etc.) ได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วย อุปกรณ์ใดๆที่ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
2.การพัฒนาให้มี ความฉลาดรู้ หรือ มี AI (Artificial Intelligence)
3.สามารถค้นหา และคาดเดาความต้องการของผู้บริโภค แต่ละคนได้  อุปกรณ์ไอที Gadget ต่างๆ
เว็บ 3.0 ที่ได้รับการพัฒนา จะประกอบด้วย
1. AI (Artificial Intelligence)
2. semantic web
3. Automated reasoning
4. semantic wiki
5. ontology language หรือ OWL
Blog  คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์  โดยเนื้อหาเป็นเรื่องใดก็ได้ ซึ่งข้อมูลประกอบด้วยข้อความ, รูป และลิงค์
จุดเด่นของ Blog
      - เป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านที่      เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน
      - มีความสะดวกและง่ายในการเขียน Blog ทำให้สามารถเผยแพร่ความคิดเห็นของผู้เขียน blog ได้ง่ายขึ้น
      - Comment จากผู้ที่สนใจเรื่องเดียวกันบางครั้งทำให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ๆ
ข้อแตกต่างของ Blog กับเว็บประเภทอื่น
- การใส่ข้อมูลใหม่ทำได้ง่าย
- มี template อัตโนมัติช่วยจัดการ
- มีการกรองเนื้อหาแยกตามวัน ประเภทผู้แต่งหรืออื่นๆ
- ผู้ดูแลจัดการ blog สามารถเชิญ หรือ  เพิ่มผู้แต่งคนอื่น โดยจัดการเรื่องการอนุญาตและการเข้าถึงข้อมูลได้โดยง่าย
- เจ้าของ blog จะเป็นผู้สร้างหัวข้อสนทนาเท่านั้น
Internet Forum
- ทำหน้าที่คล้าย bulletin board และ newsgroup
- มีการรวบรวมข้อมูลทั่วๆไป เช่น เทคโนโลยี, เกม,คอมพิวเตอร์, การเมือง ฯลฯ
- ผู้ใช้สามารถโพสหัวข้อลงไปในกระดานได้ 
- ผู้ใช้คนอื่นๆ ก็สามารถเลือกดูหัวข้อหรือแม้กระทั่งโพส ความคิดเห็นของตนเองลงไปได้
Wiki
            สามารถสร้างและแก้ไขหน้าเว็บเพจขึ้นมาใหม่ผ่านทางบราวเซอร์ โดยไม่ต้องสร้างเอกสาร html เหมือนแต่ก่อนWikiเน้นการทำระบบสารานุกรม, HOWTOs ที่รวมองค์ความรู้หลายๆ แขนงเข้าไว้ด้วยกันโดยเฉพาะ
Instant Messaging
             เป็นการอนุญาตให้มีการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลบนเครือข่ายที่เป็นแบบ relative privacy 
ตัวอย่างเช่น Gtalk  , Skype  , Meetro , ICQ , Yahoo Messenger  , MSN Messenger และ AOL Instant Messenger  เป็นต้น
Folksonomy(ปัจเจกวิธาน)
             การจัดกลุ่มการจัดระเบียบและค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตโดยทั่วไปมี 3 แบบ คือ
1. ค้นหาในเนื้อความ  (Text Search)
2. เรียงเนื้อหาตามลำดับเวลา  (Chronological)
3. แยกตามกลุ่มประเภท  (Category, Classification)
ค้นหาในเนื้อความ (Text Search)
                ตัวอย่างเช่น Google ที่ก่อตั้งโดย Sergery Brin และ Larry Page ได้ออกแบบเพื่อจัดอันดับความสำคัญของเว็บโดยคำนวณจากการนับ Link จากเว็บอื่นที่ชี้มาที่เว็บหนึ่ง ๆ
- เป็นที่น่าติดตามว่าจะมีเทคนิควิธีในการค้นหาข้อมูลใหม่ ๆ
- ปัญหาที่เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารบนอินเทอร์เน็ต มีดังต่อไปนี้
- เนื้อหามีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วรายวัน
- การค้นหาข้อมูลที่ตรงตามความต้องการมากที่สุดทำได้ยาก เนื่องจากเนื้อหาที่มีจำนวนมาก
- การค้นหาข้อมูลเฉพาะด้านที่ขึ้นกับความสนใจของผู้ทำการค้นไม่ตรงจุด
- ข้อมูลที่พบอาจจะขาดความน่าเชื่อถือ
Networking standards
                เป็นขบวนการที่เกี่ยวข้องกับทุกๆ protocol & procedure และระเบียบแบบแผนต่างๆ ที่ใช้ในระบบอินเตอร์เน็ต
TCP/IP
                คือ ข้อตกลงในการควบคุมการรับส่งข้อมูล และ internet หรือ protocol ของระบบ internet Transmission Control Protocol/Internet Protocol
The HTTP protocol
HTTP มาจากคำว่า Hypertext Transfer Protocol ซึ่งเป็น protocol ที่ใช้ในการส่งเดต้าต่าง ๆ ในโลกของ World Wide Web
Uniform resource locators (URLs)
                คือ ตัวระบุแหล่งทรัพยากรสากล (URI) ประเภทหนึ่ง ซึ่งใช้สำหรับระบุแหล่งที่อยู่ของทรัพยากรที่ต้องการ และมีกลไกบางอย่างสำหรับดึงข้อมูลทรัพยากรนั้นมา
                ยูอาร์แอลอาจหมายถึง ที่อยู่บนเว็บ หรือที่อยู่อินเตอร์เน็ตก็ได้ ซึ่งปกติแล้วเรามักพิมพ์ยูอาร์แอลในแถบที่อยู่ของเว็บเบราว์เซอร์เพื่อเรียกข้อมูลจากเว็บไซต์
Domain names
                คือ ชื่อเว็บไซต์ (www.yourdomain.com) ที่สามารถเป็นเจ้าของ ซึ่งจะต้องไม่ซ้ำกับคนอื่น เพื่อการเรียกหาเว็บไซต์ที่ต้องการ
- ความยาวของชื่อ Domain ตั้งได้ไม่เกิน 63 ตัวอักษร
- Domain ต้องจดในชื่อของเราเท่านั้น Domain Ownership
- ถ้าเป็น Domain ของบริษัท พยายามจดภายใต้ชื่อบริษัท อย่าจดด้วยชื่อพนักงาน IT
- ข้อมูลที่สำคัญที่สุดของ Domain คือ Owner Detail
- ใช้อีเมล์ที่จะอยู่กับเราตลอดไปในการจดโดเมน ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ใช้ติดต่อกับเราเรียกว่า    
Registrant E-mail
Registrant E-mail
- บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ Domain ของเราไว้ให้ดี วันหมดอายุ ผู้ติดต่อ และอื่น ๆ






 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น